สำแดงพระคริสต์ผ่านชีวิตที่เติบโต

สำแดงพระคริสต์ผ่านชีวิตที่เติบโต

บทความโดย ศจ.สมเกียรติ วรรณศรี

         ท่านคงจะเคยได้อ่าน ได้ฟังถึง ผลลัพธ์ ที่มีคนเขียนไว้ที่ว่า “ถ้าเราหว่านการกระทำ จะเกี่ยวเก็บอุปนิสัย หากเราหว่านอุปนิสัย เราก็จะได้เกี่ยวเก็บลักษณะชีวิต และถ้าหากเราหว่านลักษณะชีวิต ก็ได้เกี่ยวเก็บผลในปลายทางของชีวิต” และนั่นหมายถึง สิ่งต่างๆ จะตกเป็นของเราตามมา ถ้าหว่านสิ่งดีออกไป เช่น  บำเหน็จ รางวัล พระพร เกียรติ ศักดิ์ศรี และ สิ่งดีต่างๆ  

ดังนั้น คุณลักษณะชีวิต หรือ อุปนิสัยใหม่ ที่พระเจ้าทรงประทานให้ ในฐานะที่เป็นบุคคลที่ได้รับการไถ่ ชำระ และได้รับการสร้างใหม่ ที่สะท้อนผ่านความเป็น “คริสเตียน” หรือ “ลูกของพระเจ้า” ออกไปในแต่ละด้าน ผ่านวิถีชีวิตในกิจวัตรประจำวันนั้น ก็ต้องถือว่า เป็นบทบาท เป็นหน้าที่ และ เป็นความรับผิดชอบ ที่พระเจ้าทรงโปรดมอบให้ ซึ่งคริสเตียนแต่ละคน ควรจะต้อง “ใส่ใจ”  ต้อง “กระทำ”หรือ “นำเสนอ” ออกไปให้ดีที่สุด !!

เนื่องเพราะ ไม่ว่าจะด้วย การกระทำ คำพูด หรือพฤติกรรมใดๆ  ที่สำแดงออกไป คนทั่วๆ ไปก็มองเห็นและอ่านออกได้ว่า เอาเข้าจริงแล้ว ธาตุแท้ หรือ เบื้องลึก ภายในความคิดและจิตใจของเรานั้นเป็นคนแบบไหน ? นิสัยใจคอเป็นเช่นไร ? เหมือนดังที่พระเยซูคริสต์ได้ตรัสไว้ว่า “เราจะรู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน… คนดีก็เอาของดีออกมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา คนชั่วก็เอาของชั่วออกมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา” ( มัทธิว 12:35 )

อันที่จริงแล้ว เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ พระองค์ก็ทรงใส่พระลักษณะของพระองค์ไว้ในมนุษย์เราอย่างเต็มๆ แต่มารซานตานได้อาศัยจุดอ่อนแอของมนุษย์ ได้เข้ามาชักนำและล่อลวงให้ก้าวเดินไปในทางที่ผิดๆ และ ใช้ชีวิตในวิถีทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่อยู่ในครรลองคลองธรรมดังที่พระเจ้าทรงประสงค์ และบนเส้นทางแบบนี้ นอกจากชีวิตของเราจะไม่ได้ฉายพระลักษณะของพระเจ้า หรือ อุปนิสัยใหม่ออกไป ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วภาพลักษณ์ชีวิตก็บิดเบี้ยว ความคิดและจิตใจก็เสื่อมทรามตามลงไปด้วยอีกต่างหาก ??

แต่เมื่อได้รับพระคุณการไถ่จากพระคริสต์ ชีวิตเราก็ได้รับการสร้างขึ้นใหม่ ศักยภาพและความสามารถที่เคยเสื่อมเสียไป หรือ ทำอะไรไม่ได้เลยนั้น ก็จะจะไม่มีอีกต่อไป เพราะชีวิตใหม่ที่ได้รับมานั้น เป็นชีวิตที่มีพระเจ้าเข้ามากระทำกิจ ผ่านทางฤทธิ์เดช พระวจนะธรรม และ ผ่านผู้นำ-พี่เลี้ยง ที่พระองค์ส่งเข้ามาในชีวิตเรานั่นเอง

หากท่านอยากจะมีชีวิตในแบบที่ว่านี้ มีอยู่ทางเลือกเดียว คือ ถ่อมใจลงยอมรับการสร้างใหม่ ซึ่งทำได้ไม่ยากเลย… ลองดูสิ  !!