จดหมายจาก มิชชั่นนารี ไอรวิน

จดหมายจากมิชชั่นนารี คุณไอรวิน, เรือ Logos Hope

สวัสดีครับพี่น้องทุกท่าน

ผมชื่อ ไอ ไอรวิน วารินทร์ศิริกุล เป็นอาสาสมัครกับเรือ Logos Hope เป็นระยะเวลา 2 ปีและเนื่องด้วยทางเรือ Logos Hope ได้มีโอกาสไปทำพันธกิจที่ Philippines  ไอจึงได้มีโอกาสมาที่ Cebu , Subic Bay และ San Fernando  อีกครั้งหนึ่ง 

Cebu เป็นเมืองที่มีเด็กข้างถนนเยอะเกือบจะมากที่สุดในประเทศนี้ การได้มาประเทศนี้เมืองนี้อีกครั้งทำให้นึกถึงปีที่แล้วที่ได้มีโอกาสมากมายในการช่วยเหลือเด็ก ๆ ในประเทศนี้ การทำพันธกิจที่ประเทศนี้ค่อนข้างสะดวกเพราะว่า เป็นประเทศที่มีคริสเตียนเยอะพอสมควรจึงง่ายต่อการเข้าถึงและประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า ในวันที่เรือเปิดให้ผู้คนเข้าชมเป็นวันแรก มีหลากหลายคนเข้ามาทักทายไอ แต่ไอจำไม่ได้ เค้าเล่าว่าเค้าจำไอได้ ปีที่แล้วที่ไอมาช่วยหลังจากเค้าประสบกับพายุไต้ฝุ่น ก็ได้ทำการคุยกันพักใหญ่และเค้าบอกด้วยว่า ตอนนี้เค้าทำงานกับ OM Philippines เต็มเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก และจากการเปิดทำการในอาทิตย์แรกทำใหได้รู้ว่า ประเทศนี้มีผู้คนอยู่ 2 กลุ่ม รวยมาก กับ จนมาก รวยมากคือ มีทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ มี บ้านหรู มีรถหรู จนมากถึงขนาดไม่มีที่อยู่อาศัยไม่มีนำสะอาดดื่ม ไม่มีข้าวกิน ซึ่งเป็นที่น่าเห็นใจอย่างมาก  และในขณะที่ไอกับเพื่อนเดินไปซื้อของกันอยู่นั้นมีเด็กคนหนึ่งวิ่งมาหา เพื่อขอเงินแต่ทางเราไม่สามารถให้เงินได้ เนื่องว่าเงินไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเด็กดีขึ้นเลย ไอและเพื่อนจึงบอกเด็กคนนั้นว่า เราไม่มีเงิน แต่เราจะอธิษฐานเผื่อ และเราได้อธิษฐานเผื่อเด็กคนนั้นตรงข้างถนน สุดท้ายเด็กคนนี้ยิ้ม ขอบคุณและวิ่งไปอีกทางนึง จากประสบการณ์ที่ผ่านๆมาหลาย ๆ ท่าเรือนั้น ทำให้ไอได้รู้ว่า เราไม่จำเป็นต้องทำให้คนที่เราประกาศเชื่อ แต่ให้เค้ารู้ถึงพื้นฐาน รู้จักพระเจ้า พระเยซู คือใคร เปรียบเสมือน การว่านเมล็ด ที่ ค่อย ๆ เติบโตขึ้นแข็งแรง และเป็นต้นไม่ใหญ่ ที่จะคอยให้กำเนิดหลาย ๆ เมล็ด ในช่วงชีวิตของต้นไม้และที่สำคัญที่ท่าเรือนี้ อาจารย์ Woody Kim ได้เดินทางมาเยี่ยมลูกเรือคนไทย ทำให้ลูกเรือคนไทยติดสนิทกันมากขึ้น  อาจารย์มาสอบถามถึงความเป็นอยู่ การใช้ชีวิต เพื่อนร่วมงาน และความติดสนิทกับพระเจ้า และได้อธิษฐานเผื่อพวกเราทุกคน  และระหว่างการเดินเรือจาก Cebu ถึง Subic Bay ทางกัปตันเรือ ได้จอดเรือ และประกาศ ถึง การ Water Survival หรือ จาก เอาตัวรอด หากเกิดอุบัติเหตุทางเรือ โดยกัปตันให้ลูกเรือทุกคนกระโดด ลงสู้ทะเลจากชั้น 4 หรือ ชั้นร้านหนังสือ และยังไดบอกอีกว่า หากลูกเรือคนไหนกล้าพอที่จะกระโดดจากดาดฟ้าหรือชั้น 7 ก็สามารถกระโดดได้  ไอจึงไดมีโอกาศกระโดดลงสู่ทะเลจากชั้น 4 และชั้น 7 ใจกลางมหาสมุทร  ทำให้ไอมานั่งคิดว่า จะมีสักกี่คนบนโลก ที่สามารถมาทำเรื่องราวอย่างนี้ได้ และไอได้ขอบพระคุณพระเจ้าเป็นอย่างมากที่ทำให้ไอได้มีโอกาศนั้น ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่หายากและยากที่จะลืมได้ อีกทั้งยังได้ความรู้จากกาเอาตัวรอดและความสนุกสนานอีกมากมาย

Subic Bay เป็นหนึ่งท่าเรือที่ไอชอบมากที่สุดเนื่องจากอาทิตย์แรกทางเรือมี Saabt –week หรือคือวันหยุดพักผ่อนประจำปี 1 อาทิตย์ ทางเรือปิดทำการเป็นอาทิตย์ที่สงบ มีอาจารย์ที่มาจากแอฟริกามาเทศสนา เป็นการให้กำลังใจคนที่กำลังท้อทอยหรืออ่อนแรง เนื่องจากเป็นวันหยุดทางเรือจึงได้หาวันพาลูกเรือทั้งหมดไปเที่ยว สวนน้ำ และมีการจัดกิจกรรมสันทนาการมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้ไอชอบท่าเรือนี้มากที่สุดคือ ทางเรือได้สุ่มเลือกคนจำนวน 5 คน ออกไปทำพันธกิจนอกเรือ และไอได้เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเป็นอะไรที่สนุก และเป็นช่วงเวลาที่ได้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลา ในการออกทำพันธกิจนี้ เราได้ทำ หลากหลายพันธกิจ เช่น พันธกิจเด็ก พันธกิจโบสถ์ พันธกิจชุมชน พันธกิจป้อนอาหาร พันธกิจเรือนจำ พันธกิจโรงเรียน ที่ไอชอบมากที่สุดคือ พันธกิจชุมชน ไอได้ใช้เวลาช่วงหนึ่งคุยกับเด็กคนนึง ในเรื่องทั่วๆไป หลังจากนั้นไอได้อธิษฐานเผื่อ จากนั้นเด็กคนนั้นก็ถามไอว่าจะต้องไปไหน  ไปทำอะไรต่อ  ไอก็บอกต่อไปต้องไปทำพํธกิจที่โรงเรียน และเด็กคนนั้นก็จากไป  ในวันที่ทำพันธกิจที่โรงเรียน หลังจากจบงานต่าง ๆ เด็กคนนี้วิ่งมาหาไอ และยื่นจดหมายฉบับนึงให้  เขียนว่า ได้โปรดจำด้วยว่า สักวันหนึ่งผมจะเป็นมิชชั่นนารี  และผมสัญญาว่าผมจะเป็นคนดี ขณะที่อ่านจดหมายทำให้ไออึ่งไปเลย เด็กอายุ 13 ปี คิดได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ หลังจากนั้นเราได้นั่งคุยกันอีกสักพัก และก็แลกอีเมล เฟสบุ๊คกัน  ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมาก  จากการออกทำพันธกิจนอกเรือเป็นเวลา 7 วัน ได้มีผู้รับเชื่อในพระเจ้า มากกว่า 30 คน ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ก็ขอบคุณพระเจ้าอย่างมากมายที่ทรงเลือกไอมาอยู่ในทีมนี้ ได้มีโอกาสรับใช้พระองค์เต็มเวลา หลังจากกลับมาจากพันธกิจ หัวหน้าแผนกเรียกไอเข้าไปคุยในห้อง เค้าอยากให้ไอไปเป็นหัวหน้าที่ Book Hold หรือสต็อกหนังสือ เค้าให้เวลาตัดสินใจหนึ่งอาทิตย์ ระหว่างนั้นก็ได้อธิษฐานถามพระเจ้าว่า พระองค์ทรงเรียกหรือเปล่า มีคนบอกว่า ไอเหมาะสมกับหน้าที่นั้นดี และมีคนนึงพูดว่า ถ้าพระเจ้าไม่เรียกไอ แล้วหัวหน้า และคนอื่น ๆ จะเห็นด้วยแบบนี้เหรอ ไอจึงเดินไปบอกหัวหน้าว่าตกลง ไอจะทำให้ดีที่สุด

San Fernando ท่าเรือนี้ เป็นท่าเรือแรก และน่าจะท่าเรือเดียวที่ไอไม่ได้ทำงานเลยเป็นเวลา 2 อาทิตย์ เนื่องจาก ทางเรือได้มีการเข้าค่ายผู้นำ เป็นเวลา 1 อาทิตย์ ไอก็อยู่ในนั้น  อีกทั้ง ยังมีการฝึกที่จะเป็นหัวหน้าใน Book Hold อีก 1 อาทิตย์ เลยทำให้ไม่ได้มีประสบการณ์อะไรเลยเกี่ยวกับร้าหนังสือ  แต่ได้ความรู้จากการอบรม “ เราไม่สามารถเป็นผู้นำได้หากเราไม่มีพระเจ้า” คำนี้เป็นคำที่ไอจำแม่นมากและคิดว่าเป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย  ถ้าวันนี้ไอไม่มีพระเจ้า ไอคงไม่มีโอกาศมารับใช้พระเจ้าที่เรือ  ไม่มีโอกาศได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ไม่มีโอกาศขึ้นมาเป็นผู้นำ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ เพราะพระเจ้า องค์เดียว

สิ่งที่อยากให้พี่น้องอธิษฐานเผื่อ

-การติดสนิทกับพระเจ้ามากขึ้นและมากขึ้น

-การทำงานในตำแหน่งใหม่

-การทำงานเป็นทีม ทีมใหม่

-สุขภาพร่างกาย ของครอบครัวของไอ ของไอเองของ เพื่อนในเรือ

-การเดินเรือที่จะปลอดภัย

-คนไทยที่จะออกมารับใช้พระเจ้ามากขึ้น